แชมป์ยุโรปสุดมหัศจรรย์ ในปี 2019 ของเจอร์เก้น คล็อปป์ หลายคนจะนึกถึงการคัมแบ็กอันสุดยอด ในการเจอกับบาร์เซโลน่าในรอบรองชน…


แชมป์ยุโรปสุดมหัศจรรย์ ในปี 2019 ของเจอร์เก้น คล็อปป์ หลายคนจะนึกถึงการคัมแบ็กอันสุดยอด ในการเจอกับบาร์เซโลน่าในรอบรองชนะเลิศ หรือไม่ก็ประตูย้ำชัยใส่สเปอร์ส ของดิว็อค โอริกี้ ในรอบชิงชนะเลิศ
แต่จำได้หรือไม่ ว่าเส้นทางสู่แชมป์ในซีซั่นนั้น หงส์แดงเจอกับทีมอะไรเป็นทีมแรก
คำตอบคือ … ปารีส แซงต์ แชร์กแมง
ลิเวอร์พูลหอบความเจ็บช้ำจากความพ่ายแพ้นัดชิงชนะเลิศที่เคียฟ รวมพลังใจมาสู้กันต่อ ในฤดูกาล 2018-19 แต่การจับสลากในรอบแบ่งกลุ่ม ต้องเจอกับสายที่แข็งโป๊ก ประกอบไปด้วย นาโปลี, เรดสตาร์ เบลเกรด และ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง
นัดแรกสุด หงส์แดง เจอกับ เปแอสเช ที่แอนฟิลด์ วันที่ 19 กันยายน 2018 โดยเกมนั้น โทมัส ทูเคิล เฮดโค้ชของเปแอส ส่งเนย์มาร์, คีลียัน เอ็มบัปเป้ และ เอดินสัน คาวานี่ ลงเล่นเป็น 3 กองหน้า ศักยภาพถือว่าสูงลิ่วสุดๆ แล้ว
เนย์มาร์ กับ เอ็มบัปเป้ คือสองนักเตะที่ค่าตัวแพงที่สุดในโลก ส่วนคาวานี่ก็เป็นจอมสังหารประตู ขณะที่กองกลางมีอังเคล ดิมาเรีย, อาเดรียง ราบิโอต์ ส่วนแนวรับนำทัพโดยติอาโก้ ซิลวา คือแกร่งทั่วแผ่นมาก
ส่วน 11 ตัวจริงของคล็อปป์ ประกอบไปด้วย อลิสซอน, อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โกเมซ, ฟาน ไดค์, โรเบิร์ตสัน, ไวจ์นัลดุม, เฮนเดอร์สัน, มิลเนอร์, ซาลาห์, สเตอร์ริดจ์ และ มาเน่
ก่อนเราจะไปย้อนอดีตในเกมนั้น มีข้อสังเกตนิดๆ ก็คือ 11 ตัวจริงของเปแอสเช ในเกมเมื่อฤดูกาล 2018-19 ไม่มีใครได้ลงตัวจริงในเกมเจอลิเวอร์พูล รอบ 16 ทีมสุดท้ายที่จะเตะในเดือนหน้าแน่นอน เพราะส่วนใหญ่ย้ายทีมไปหมดแล้ว คนที่เหลืออยู่ใน squad ชุดนั้น มีเพียงเพรสเนล คิมเพมเบ้ แต่ก็ไม่ได้ลงอยู่แล้ว
แต่ 11 ตัวจริงของหงส์เมื่อ 7 ปีที่แล้ว อาจลงเล่นเจอกับเปแอสเชในเดือนหน้า ถึง 5 คน ได้แก่ อลิสซอน, เทรนต์, ฟาน ไดค์, โรเบิร์ตสัน และ ซาลาห์ จะเห็นเลยว่า แกนหลักของทีมลิเวอร์พูลจากชุดคล็อปป์ ถือว่าอยู่ยั้งยืนยงได้นานมากจริงๆ
สำหรับสาเหตุที่คล็อปป์ต้องส่ง สเตอร์ริดจ์ ลงเป็นกองหน้าตัวจริง เพราะโรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ โดนแยน แฟร์ต็องเก้น ของสเปอร์ส เอานิ้วจิ้มตาข้างซ้ายโดยไม่ได้ตั้งใจ ในเกมพรีเมียร์ลีกไม่กี่วันก่อนหน้านี้
นิ้วของแฟร์ต็องเก้น จิ้มเข้าไปลึกมากๆ จนฟีร์มีโน่เจ็บตาอย่างแสนสาหัส วันแรกๆ ตอนอยู่บ้าน เขาไปเข้าห้องน้ำด้วยตัวเองไม่ได้ เพราะมองอะไรไม่เห็นเลย ต้องให้ภรรยาประคองแขนแล้วช่วยพาเดินไปรอบๆ บ้าน
ฟีร์มีโน่โดนจิ้มตาในวันเสาร์ จนถึงวันพุธที่ต้องเจอกับเปแอสเช ความจริงเขายังปวดอยู่มากๆ แต่ฟีร์มีโน่ก็ฝืน ไปนั่งบนม้านั่งสำรอง เขาคิดว่าเกมสำคัญแบบนี้ ตัวเองอาจมีประโยชน์ถ้าเป็นโจ๊กเกอร์อยู่ข้างสนาม
ตอนแรกลิเวอร์พูลจะให้ฟีร์มีโน่ใส่แว่นตาแบบพิเศษเพื่อป้องกันการกระแทก แบบสไตล์เอ็ดการ์ ดาวิดส์ แต่ฟีร์มีโน่ปฏิเสธเพราะมันจะทำให้เขารู้สึกไม่คุ้นเคย เขาเลือกตกลงกับทีมแพทย์ลิเวอร์พูลว่า ถ้าได้ลงสนาม จะใช้วิธี “อัดยาชา” ให้ความเจ็บมันทุเลาลงเป็นการชั่วคราว
ลิเวอร์พูลขึ้นนำ 2-0 จากสเตอร์ริดจ์ กับ จุดโทษของมิลเนอร์ แต่โทมัส มูนิเยร์ ดาวเตะเบลเยี่ยมตีไข่แตกไล่มาเป็น 2-1 ก่อนจบครึ่งแรก
สเตอร์ริดจ์ ใช้โอกาสสิ้นเปลืองเกินไป เขาควรทำแฮตทริกได้แล้ว แต่ยิงได้แค่ลูกเดียว ซึ่งพอนำอยู่แค่ลูกเดียว ยิ่งเปิดช่องให้เปแอสเชได้โจมตีสวนคืนมาเรื่อยๆ
เมื่อทรงเกมของลิเวอร์พูล ดูไม่ค่อยดี ทำให้คล็อปป์ กลั้นใจ ส่งฟีร์มีโน่ลงมา ในนาทีที่ 72 แทนสเตอร์ริดจ์ เพื่อหวังใช้ทักษะของฟีร์มีโน่ในการเชื่อมเกม พักบอล และดึงจังหวะให้ช้าลงหน่อย
แต่การตัดสินใจของคล็อปป์เหมือนจะผิดพลาด เพราะในนาทีที่ 83 ฟีร์มีโน่ที่เพิ่งลงมา จับจังหวะไม่ถูก อาการเจ็บดวงตาอาจจะเกี่ยวด้วย ทำให้เขาโดนแย่งบอลกลางสนาม เนย์มาร์ได้บอล แทงต่อให้เอ็มบัปเป้ สังหารโป้งเข้าไป ตีเสมอเป็น 2-2
ผลการแข่งขันแบบนี้ ทำให้ลิเวอร์พูลปวดใจแน่นอน เพราะเกมแรกในแชมเปี้ยนส์ลีก แถมเล่นในแอนฟิลด์มันควรจะประเดิมด้วยชัยชนะ
เกมยื้อมาจนถึงนาที 90+1 เอ็มบัปเป้เตรียมจะโต้กลับเพื่อแซงชนะ แต่เจมส์ มิลเนอร์ แย่งบอลคืนกลับมาได้สวยมากๆ จากนั้นบอลลำเลียงต่อมาถึงฟีร์มีโน่ ที่อยู่นอกกรอบเขตโทษ
ฟีร์มีโน่ที่ตอนนั้นเจ็บตาซ้ายอย่างแสนสาหัส เขาใช้แค่สัญชาตญาณล้วนๆ สร้างเพลย์ที่เซอร์ไพรส์มากๆ ขึ้นมา
ฟีร์มีโน่เล่าว่า “ผมกระชากเข้าไปหามาร์ควินโญส แล้วแกล้งว่าจะยิงด้วยเท้าซ้าย ทันใดนั้นผมล็อกหลบไปอีกด้าน สร้างพื้นที่มากพอที่จะยิงลูกเรียดเต็มแรงด้วยเท้าขวา บอลพุ่งวาบเข้าประตู ทำให้เราชนะเปแอสเช 3-2 นี่เป็นประตูชัยที่มีความสำคัญมาก เพราะพวกเขาคือทีมที่แข็งแกร่ง และนี่คือหนึ่งในประตูดีที่สุดที่ผมเคยยิงให้ลิเวอร์พูลด้วย”
“ในจังหวะยิงประตู ผมเคลื่อนที่แบบนั้นได้ ทั้งๆ ที่สายตามองเห็นแค่ข้างเดียว เพราะมันเป็นสิ่งที่ผมทำตลอดชีวิต ผมรู้ว่าต้องวิ่งอย่างไร ต้องเลี้ยงแบบไหน ต่อให้เอาผ้ามาผูกตาผมเอาไว้ ผมก็มั่นใจว่าสามารถเลี้ยงแบบนั้นแล้วยิงแบบนี้ได้”
“สุดท้ายแล้ว บอสตัดสินใจถูกจริงๆ ที่ส่งผลลงสนาม จนเกิดประตูที่บ้าคลั่งแบบนี้ขึ้นมาได้ คล็อปป์เป็นคนที่เชื่อมั่นในตัวผมมากมายมหาศาลจริงๆ”
ลิเวอร์พูลชนะเปแอสเช 3-2 และถ้าไม่มีสามแต้มในเกมนั้น ลิเวอร์พูลก็จะแต้มไม่พอ ที่จะผ่านเข้ารอบน็อกเอาต์ ดังนั้นนี่เป็นชัยชนะที่สำคัญมากๆ ในหน้าประวัติศาสตร์สโมสร
ในฤดูกาล 2018-19 หลังจากผ่านเปแอสเช และ นาโปลี ในรอบแบ่งกลุ่มมาได้แล้ว ลิเวอร์พูลเจอกับเส้นทางมหาโหดในรอบน็อกเอาต์
เริ่มจาก บาเยิร์น มิวนิค แชมป์บุนเดสลีกา 6 สมัยติดต่อกัน ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย โดยทีมเสือใต้ ณ เวลานั้น มีโรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้, ฟรองค์ ริเบรี่, มานูเอล นอยเออร์, โจชัว คิมมิช และ ดาวิด อลาบา ลงสนามพร้อมกัน แต่หงส์แดงก็ยังฝ่ามาได้
จากนั้นรอบ 8 ทีมสุดท้าย เจอแชมป์จากโปรตุเกส เอฟซี ปอร์โต้ ก็สามารถเอาชนะได้สองนัดเหย้าเยือน
รอบรองชนะเลิศ เจอกับบาร์เซโลน่า กับปาฏิหาริย์ในโลกฟุตบอล แพ้เลกแรก 3-0 แต่ชนะเลกสอง 4-0 ถ้าใครไปดูในรายละเอียด จะเห็นว่าบาร์ซ่าคือดีกรีแชมป์สเปน และลีโอเนล เมสซี่ ยังอยู่ในช่วงพีกของฟอร์มการเล่นด้วย
สรุปง่ายๆ คือ คู่แข่ง 7 ทีมที่ลิเวอร์พูลปะทะในฤดูกาล 2018-19 มีแชมป์ประเทศตัวเองถึง 5 ทีม
– เปแอสเช (แชมป์ฝรั่งเศส)
– นาโปลี (อันดับ 2 อิตาลี)
– เรดสตาร์ (แชมป์เซอร์เบีย)
– บาเยิร์น (แชมป์เยอรมนี)
– ปอร์โต้ (แชมป์โปรตุเกส)
– บาร์เซโลน่า (แชมป์สเปน)
– สเปอร์ส (อันดับ 3 อังกฤษ)
เส้นทางของเจอร์เก้น คล็อปป์ กว่าจะฝ่าฝันได้แชมป์ โหดหินสุดๆ ทางเต็มไปด้วยขวากหนามจนถึงนัดชิง แต่สุดท้าย ถ้าทีมที่ลงตัวจริงๆ สมบูรณ์ที่สุด ยังไงคุณก็ก้าวไปเป็นแชมป์ได้
บทสรุปของการจับสลากแชมเปี้ยนส์ลีก ที่ลิเวอร์พูล ต้องเจอกับเปแอสเช ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย แน่นอนว่า ไม่ใช่การจับสลากในฝัน คือถ้าไปเจอเบนฟิก้าก็น่าจะดีกว่านี้
ไม่แปลกที่แฟนลิเวอร์พูลหลายคนจะผิดหวัง ว่าอุตส่าห์จบอันดับ 1 ในรอบลีกเฟส แต่ทำไมดวงแตกมาเจอกับเปแอสเช ดูอย่างวิลล่าจบอันดับ 8 ได้เจอคลับ บรูชเฉยเลย
แต่อยากให้กำลังใจแฟนลิเวอร์พูลในหลายๆ มุมดังนี้
1- การได้แชมป์ลีกเฟส เป็นการประกาศว่า พร้อมจะเอาชนะได้ทุกทีม ลิเวอร์พูลเอาชนะเรอัล มาดริด และ เลเวอร์คูเซ่นในรอบแบ่งกลุ่มมาแล้ว ถามว่าจะต้องมากลัวใครอีก
2- ลิเวอร์พูลคือเต็งหนึ่งที่จะคว้าแชมป์ยุโรป ณ เวลานี้ สื่อทุกสำนักบอกตรงกัน ในขณะที่แฟนลิเวอร์พูลรู้สึกเซ็ง คู่แข่งที่เจอหงส์แดงยิ่งหนักใจยิ่งกว่า แฟนหงส์แดงควรมั่นใจในตัวเองมากๆ กว่านี้อีกหน่อย
3- ผลการจับสลาก ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น ถ้าผ่านเปแอสเชมาได้ เจอกับวิลล่า หรือ คลับ บรูช ในรอบต่อไป ลิเวอร์พูลก็เหนือกว่าเยอะ วิลล่าในซีซั่นนี้ เล่นเหย้า-เยือน ลิเวอร์พูลสกอร์รวมเยอะกว่า ส่วนคลับ บรูช คุณภาพก็ข่มอยู่แล้ว ขณะที่ในรอบรองชนะเลิศถ้าผ่านไปถึง จะได้เล่นเลกที่ 2 ในบ้าน ไม่ว่าจะเจอ เรอัล มาดริด, แอตเลติโก้ มาดริด, อาร์เซน่อล หรือ พีเอสวี ก็ตาม
ถ้ามีพลังจากแอนฟิลด์ในเลกที่สอง ต่อให้เจอเรอัล มาดริด ก็น่าจะสู้ได้ดีขึ้น ดีกว่าปะทะกันแบบนัดเดียวจบแน่ๆ
4- การไม่เจอบาเยิร์น มิวนิค ถือเป็นเรื่องดี เพราะปีนี้นัดชิงจะเตะที่อัลลิอันซ์ อารีน่า ถ้าไปอยู่สายขวา ที่ต้องชนบาเยิร์น อาจจะเหนื่อยเหมือนกัน เพราะบาเยิร์นคงทุ่มเทพลังทั้งหมด เพื่อให้ผ่านเข้ารอบแน่ๆ
คู่แข่งในรอบรอง สมมุติลิเวอร์พูล เจอเรอัล มาดริด หรือ แอตเลติโก้ มาดริด สองทีมนั้นยังบี้แชมป์ลาลีกากันอยู่เลย ไม่สามารถดร็อป หรือผ่อนได้แน่ๆ แต่ถ้าเป็นบาเยิร์น ที่ป่านนั้นคงได้แชมป์บุนเดสลีกาไปแล้ว อาจจะดร็อป 11 ตัวจริงในลีก เพื่อให้สดที่สุดเลยก็ได้ ดังนั้นมาอยู่สายมาดริด หรืออาร์เซน่อลที่โปรแกรมถี่เหมือนกัน ก็น่าจะดีกว่า
5- เปแอสเชเป็นทีมที่ดี แต่อาร์เซน่อลอัดมาให้เห็นแล้วในแชมเปี้ยนส์ลีก พวกเขาไม่ได้ไร้เทียมทานขนาดนั้น
เปแอสเช เจอกับทีมเล็กตบเรียบ ใช่ แต่ ถ้าเจอกับทีมเกรดเดียว พวกเขาแพ้มากกว่าชนะ ในแชมเปี้ยนส์ลีก เจอทีม โถ 1 + โถ 2 ผลลัพธ์คือ ชนะ 1 แพ้ 3
และอย่าลืมว่า ลิเวอร์พูลก็เคยชนะเปแอสเชมาแล้วในอดีต คำถามคือจะไปกลัวอะไรขนาดนั้น
6- ปรัชญาสำคัญที่สุดของฟุตบอล คือถ้าคุณจะเป็นแชมป์ ไม่ว่าจะเจอทีมอะไร คุณก็ต้องชนะให้ได้
เรอัล มาดริด ในฤดูกาล 2021-22 เจอเปแอสเช, เชลซี (แชมป์เก่า), แมนฯ ซิตี้ และ ลิเวอร์พูล เส้นทางคือสุดยอดแห่งความยาก แต่ก็เอาชนะทุกทีมจนเป็นแชมป์ได้ คือถ้าคุณจะเป็นเบอร์หนึ่ง คุณต้องแสดงคาแรคเตอร์ให้เห็น ไม่ว่าจะเจอทีมอะไรก็ตาม
สรุปคือ อยากเป็นกำลังใจให้เแฟนหงส์ที่กำลังเซ็งที่จับสลากเจอเปแอสเช ก็เข้าใจได้อยู่ครับ แต่มันก็เป็นบททดสอบที่ดีของอาร์เน่อ สล้อธ ว่าถ้าต้องเจอกับงานที่ยากลำบาก เขาจะผ่านไปได้ไหม
และจะได้ดูความสามารถในการ “โรเทชั่น” ด้วยว่า ในยามคับขันแบบนี้ คุณจะกล้าส่ง นักเตะตัวเดิมๆ ลงเล่นทุกๆ 3 วันรัวๆ เลยหรือเปล่า หรือจะกล้าโรเทชั่นอย่างชาญฉลาด เพื่อประสบความสำเร็จในทุกรายการ
ตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นไป แฟนหงส์แดงต้องลุ้นระทึกทุกแมตช์ ทั้งพรีเมียร์ลีก ที่ใกล้ไคลแม็กซ์, นัดชิงคาราบาวคัพ และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบน็อกเอาต์
จะได้แชมป์ 1 2 3 หรือ 0 เดือนมีนาคมนี้ จะเป็นช่วงชี้ชะตาของลิเวอร์พูลอย่างแท้จริงเลยทีเดียว

About The Author