
มันน่าดีใจถ้าหากมีคนมาชื่นชมเรา แต่ถ้าชอบมากเกินไป ถึงขั้นตามติดไปทุกที่ ทุกประเทศ แบบนี้ความดีใจจะแปรเปลี่ยนเป็นความสยองขวัญแทน
ตั้งแต่คว้าแชมป์ยูเอส โอเพ่น ในปี 2021 ได้สำเร็จ นักเทนนิสสาวชื่อ เอ็มม่า ราดูคานู ก็กลายเป็นขวัญใจของชาวอังกฤษ
ก่อนหน้านั้น 44 ปี ไม่เคยมีนักเทนนิสหญิงชาวอังกฤษได้แชมป์แกรนด์แสลมมาก่อน แต่เอ็มม่าก็ทำลายกำแพงนั้นลงได้ ด้วยผลงานมหัศจรรย์ ลงแข่งตั้งแต่รอบควอลิฟาย ไปจนถึงรอบชิง ชนะ 10 แมตช์รวด โดยไม่เสียแม้แต่เซ็ตเดียว
นอกจากจะเล่นเทนนิสเก่งแล้ว เอ็มม่าเป็นเด็กสาวหน้าตาดี แถมยังฉลาดรอบรู้ พูดได้ 3 ภาษา คืออังกฤษ, แมนดาริน และ โรมาเนีย ในบรรดานักเทนนิสหญิงที่ยังลงเล่นอยู่ ณ ปัจจุบัน เธอมียอดฟอลโลเวอร์ในโซเชียลมีเดียมากที่สุดเป็นอันดับสอง (2.6 ล้านคนในไอจี) เป็นรองแค่ นาโอมิ โอซากะ คนเดียวเท่านั้น
ด้วยความที่เอ็มม่าครบเครื่องขนาดนี้ เธอจึงมีสปอนเซอร์เพียบ ปีที่แล้วเธอทำเงินจากการเป็นพรีเซ็นเตอร์ และเล่นโฆษณา ไปมากถึง 14 ล้านดอลลาร์ เป็นนักกีฬาหญิงที่ได้เงินจากการเป็นพรีเซ็นเตอร์มากที่สุดอันดับ 5 ของโลก เป็นรองแค่ โคโค่ กอฟฟ์, ไอลีน กู่, เจิ้ง ชินเหวิน และ นาโอมิ โอซากะ
ความรวยและความโด่งดังในชั่วพริบตา สิ่งที่เธอต้องแลกมา คือ การต้องรับมือกับ “สตอลเกอร์”
สตอลเกอร์ แปลเป็นไทย คือบุคคลที่ชอบมีพฤติกรรมสะกดรอยตาม จนไปรบกวนชีวิตของอีกฝ่าย ในวงการบันเทิงมีให้เห็นกันบ่อยๆ แต่ในช่วงหลังๆ มันก็เกิดขึ้นกับวงการกีฬาด้วยเช่นกัน
เดือนพฤศจิกายน 2022 เกิดเหตุการณ์แปลกๆ เอ็มม่า เป็นเวลา 1 เดือนเต็มๆ
ความแปลกเริ่มจาก ต้นคริสต์มาสที่ตั้งไว้ประดับหน้าบ้านของเธอที่ชานเมืองลอนดอน อยู่ๆ ก็มี เครื่องตกแต่งอันใหม่ๆ เพิ่มขึ้นบนต้นคริสต์มาสแบบงงๆ ถามใครก็ไม่รู้ ว่าเครื่องตกแต่งพวกนั้นมาจากไหน
วันต่อมา มีช่อดอกไม้วางไว้หน้าบ้าน แนบการ์ดเขียนประโยคว่า “ไม่มีอะไรจะพูด แต่คุณสมควรได้รับความรัก”
แล้ววันต่อมาอีก รองเท้าที่วางไว้ที่ระเบียงบ้าน อยู่ๆ ก็หายไปอย่างไม่มีเหตุผล
ความน่ากลัวเพิ่มขึ้นในวันต่อมาอีก เมื่ออยู่ๆ มีการ์ดปริศนา เสียบไว้ในกล่องจดหมายหน้าบ้านเอ็มม่า เนื้อในเขียนว่า “ถึงเอ็มม่า ฉันเดิน 23 ไมล์ เพื่อมาหาเธอโดยเฉพาะ”
เมื่อเรื่องมันมาถึงขนาดนี้แล้ว ทำให้ครอบครัวของเอ็มม่าแจ้งความทันที เพราะคงไม่ใช่แค่การกลั่นแกล้งกันเล่นๆ แล้ว แต่เป็นสตอลเกอร์ที่เจตนาคุกคามชัดเจน
ตำรวจไล่ดูภาพวงจรปิด และจับกุม อัมริท มาการ์ คนอังกฤษเชื้อสายเนปาล วัย 35 ปี อาชีพเป็นคนขับรถส่งของจากบริษัทอะเมซอน โดยมีหลักฐานมัดตัวหนักแน่น ว่าเขาเป็นคนบุกรุกเข้ามาที่บ้านของเอ็มม่า อย่างน้อย 5 ครั้ง
อัมริท มาการ์ที่แต่งงานแล้ว สารภาพว่า เขาหลงใหลเอ็มม่าจากที่เห็นในทีวี ก็เลยไปสืบหาว่าบ้านของเธออยู่ไหน ส่วนสาเหตุที่เขาขโมยรองเท้าหน้าบ้านเอ็มม่าไป ก็เพื่อเอาไปเป็นของที่ระลึก (แต่อัมริทหยิบรองเท้าผิด ไปหยิบเอาของคุณพ่อไปแทน)
ศาลอังกฤษพิพากษาห้ามอัมริท มาการ์ เข้าใกล้เอ็มม่า 5 ปี และต้องติดอีเล็กทรอนิคส์แท็กไว้ที่ข้อเท้าด้วย พร้อมทั้งต้องทำงานรับใช้ชุมชนเป็นเวลา 200 ชั่วโมงโดยไม่ได้รับค่าจ้าง
สำหรับเอ็มม่า แม้คดีจะถูกศาลตัดสินไปแล้ว แต่ก็กลายเป็นปมในใจเธออย่างมาก เพราะโดนสตอลเกอร์ตามหลอกหลอนอยู่เป็นเดือน เธอเล่าว่า “ฉันรู้สึกไม่ปลอดภัยในบ้านตัวเอง ทั้งๆ ที่ควรจะรู้สึกปลอดภัยมากที่สุดแท้ๆ”
หลังจากมีประเด็นของอัมริท มาการ์ ให้ต้องจิตตกแล้ว เอ็มม่าก็มาโชคร้ายอีก เมื่อได้รับบาดเจ็บที่ข้อมือ และ ข้อเท้าซ้าย จนต้องเข้ารับการผ่าตัด ไม่ได้ลงแข่งขันหลายเดือน และจากที่เคยอยู่อันดับ 10 ของโลก ก็ร่วงลงไปต่ำสุด อยู่ที่อันดับ 303 ของโลก
แต่พอเอ็มม่าผ่าตัดเสร็จ ร่างกายคืนสภาพ เธอเริ่มกลับมาแข่งได้ต่อเนื่องอีกครั้ง และค่อยๆ ทำอันดับดีขึ้นเรื่อยๆ จนทะลุท็อป 60 ของโลกได้สำเร็จ
ปัจจุบันเอ็มม่าอายุ 22 ปี เธอไม่มีแฟน ไม่ได้คบหากับใคร ตอนนี้มุ่งมั่นที่เรื่องเทนนิสอย่างเดียว เป้าหมายหลักคือเดินทางไปแข่ง WTA Tour อย่างต่อเนื่อง เพื่อคัมแบ็กกลับไปสู่ท็อป 10 ให้ได้อีกครั้ง
ทุกอย่างก็ราบรื่นดี เอ็มม่าก็ตั้งใจแข่งของเธอไป แต่ก็ดันมีเรื่องให้เธอต้องน้ำตาตกอีกครั้ง เมื่อเธอเจอผู้ชายอีกคนหนึ่งที่น่าจะเป็นสตอลเกอร์เช่นกัน (ไม่ใช่ อัมริท มาการ์)
ผู้ชายปริศนาคนนี้ ติดตามเธอไปหลายประเทศ เอ็มม่าบินไปไหน ก็บินตามไปดูด้วยทุกทัวร์นาเมนต์
เริ่มจากวันที่ 27 มกราคม 2025 รายการสิงคโปร์ โอเพ่น ตามด้วยวีกต่อมา อาบูดาบี โอเพ่น วีกต่อมากาตาร์ โอเพ่น และวีกต่อมา ดูไบ เทนนิส แชมเปียนส์ชิพ
ในช่วง 4 สัปดาห์ ผู้ชายคนนี้บินตามไปดูเอ็มม่าถึง 4 เมือง 3 ประเทศ ซึ่งในตอนแรกๆ ตัวเอ็มม่ากับทีมงานก็ยังไม่ได้เอะใจอะไร เพราะนึกว่าเป็นแฟนคลับทั่วไป
แต่การกระทำมันเริ่มดูคุกคามมากขึ้นเรื่อยๆ เช่น มีการมาดักรอจุดที่นักกีฬาจะเดินออกจากสนาม เพื่อขอเซลฟี่บ้าง บางครั้งก็ขอกอดบ้าง มีการเริ่มถึงเนื้อถึงตัว
สิ่งที่ทำให้เอ็มม่ารู้สึกไม่สบายใจมากๆ คือช่วงที่เธอแข่งรายการที่ดูไบ รอบแรกเธอเอาชนะซูซาน ลาเมนส์ จากฮอลแลนด์มาได้ ก็เตรียมรอแข่งรอบสอง กับ แคโรลีน่า มูโคว่า จากสาธารณรัฐเช็ก
วันที่ 16 กุมภาพันธ์ คืนก่อนแข่งกับมูโคว่า เธอไปกินอาหารในเมืองดูไบ ปรากฏว่า ผู้ชายปริศนาคนนี้ ไปดักรอเจอเธอที่ร้านอาหาร และยื่น “กระดาษโน้ต” ให้หนึ่งแผ่น
เอ็มม่าไม่ได้เล่าว่ากระดาษแผ่นนั้นเขียนว่าอะไรบ้าง แต่มันทำให้เธอต้องรู้สึกหลอนที่โดนบุกรุกมาใกล้ตัวขนาดนี้
โรมัน เคเลซิซ โค้ชของเอ็มม่า เล่าว่า “ช่วงที่เธอออกไปกินข้าวที่ร้านอาหาร เป็นช่วงเวลาเดียวที่ผม, โค้ชฟิตเนส หรือ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย จะไม่ได้อยู่ใกล้ๆ เธอ เพื่อให้เธอได้รับความเป็นส่วนตัว แต่ผู้ชายคนนี้ ศึกษาสถานการณ์เอาไว้หมดแล้ว และรอจังหวะที่เหมาะสม ที่จะได้เข้ามาอยู่ใกล้ๆ เธอ เขาวางแผนได้น่ากลัวมาก เหมือนว่าคิดคำนวณมาแล้วเรียบร้อย”
เอ็มม่ารีบแจ้งทีมงานทันที ว่าเจอผู้ชายคนนี้ จู่โจมเข้ามาใกล้ๆ และมีลักษณะเป็นสตอลเกอร์ ในอดีตเธอเคยเจอเรื่องนี้มาแล้ว ไม่น่าเชื่อว่า แค่ 2 ปีต่อมา ก็ต้องมาโดนเหตุการณ์คล้ายๆ เดิมอีกครั้ง
ทีมงานไม่ได้นิ่งนอนใจ ส่งรูปของผู้ชายต้องสงสัยให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยช่วยกันเช็ก เพื่อไม่ให้เข้าใกล้เอ็มม่าได้อีก
วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เอ็มม่าลงแข่งรอบสอง เจอกับมูโคว่า การแข่งเริ่มไปไม่ถึง 2 นาที สกอร์เกมแรก เสมอกันอยู่ 15-15 เอ็มม่าก็สังเกตเห็นว่า สตอลเกอร์คนดังกล่าว นั่งอยู่แถวหน้าสุดในสแตนด์! ไม่รู้ทีมงานเช็กกันยังไง แต่ผู้ชายคนนี้ก็เข้ามาอยู่ใกล้ตัวเธอได้อยู่ดี และอยู่แถวหน้าสุดด้วย
เท่านั้นล่ะ เอ็มม่าจิตหลุดทันที เธอเดินมาหาทีมโค้ชแล้วร้องไห้ พร้อมกับพูดว่า “เขาอยู่นี่ เขาอยู่นี่ เขาอยู่นี่”
เอ็มม่ากลับมาแข่งต่อ แต่ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว หลังจากเล่นต่ออีกไม่ถึง 10 นาที เธอรีบเดินมาหลบหลังเก้าอี้อัมไพร์ แล้วบอกผู้ตัดสินว่าเธอกำลังเจออะไรอยู่
จากนั้นก็กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต เจ้าหน้าที่สนาม บุกขึ้นมาบนสแตนด์ แล้วเอาตัวผู้ชายต้องสงสัยคนนี้ออกไปส่งตำรวจ จากข้อมูลล่าสุด ไม่มีการเปิดเผยชื่อหรือสัญชาติ แต่รู้แค่ว่า ไม่ใช่คนอังกฤษ และไม่ใช่คนยูเออี เป็นคนชาติอื่น
แม้สตอลเกอร์จะออกจากสนามไปแล้ว แต่เอ็มม่ายังหวาดผวาอยู่ สุดท้ายก็แพ้ไป 2 เซ็ตรวด ตกรอบไปอย่างน่าเสียดาย
บทสรุปของเรื่องนี้ ทีมงานของเอ็มม่าทำข้อตกลงกับชายปริศนาคนนี้ว่าจะไม่แจ้งข้อหา แต่บังคับให้เซ็นสัญญาว่า จะไม่มาเข้าใกล้เอ็มม่าอีกต่อไป
ขณะที่ WTA ในฐานะองค์กรที่ควบคุมการแข่งขันเทนนิสหญิง ก็ส่งรายชื่อ และใบหน้า ของชายคนนี้เป็นแบล็คลิสต์เอาไว้ว่าไม่ให้เข้าไปดูการแข่งขันทุกอีเวนต์ที่จัดโดย WTA
เรื่องราวก็จบตรงนี้ เอ็มม่านั้นโชคร้ายที่ต้องเจอสตอลเกอร์ไล่ตามถึง 2 ครั้งแล้ว และเธอก็หวังว่าจะไม่มีครั้งที่ 3
คือชื่นชอบผลงานกันน่ะไม่แปลก แต่ถ้าบุกไปทุกสถานที่แบบนี้ ใครๆ ก็คงกลัวกันทั้งนั้น
กรณี “แฟนคลับคลั่ง” ในวงการกีฬานั้น สร้างความน่ากลัวให้กับตัวนักกีฬาอย่างมาก ขั้นแรกเลย คือโดนรุกล้ำความเป็นส่วนตัว
ขั้นที่สองคือ คุณไม่มีทางรู้ว่าคนที่คลั่งจะทำอะไรได้บ้าง เหมือนกับเคสของกุนเธอร์ พาร์เช่อ แฟนคลับชาวเยอรมนีที่คลั่งไคล้สเตฟฟี่ กราฟ นักเทนนิสมือหนึ่งของโลก ในยุค 90s แบบสุดๆ
แล้วพอวันหนึ่ง ที่สเตฟฟี่ กราฟ ถูกนักเทนนิสดาวรุ่งชาวสหรัฐฯ ชื่อโมนิก้า เซเลส ก้าวขึ้นมาท้าทายบัลลังก์ ปรากฏว่ากุนเธอร์ พาร์เชอร์ เอามีด 9 นิ้ว ไปแทงกลางหลังของเซเลสจนบาดเจ็บหนัก และไม่สามารถกลับมาเล่นได้เหมือนเดิมอีกเลย
คือแฟนคลับที่เข้ามาใกล้ชิดคุณ อาจจะเป็นซาแซง ที่จ้องจะเล่นงานกันก็ได้ คือมันมีความน่ากลัวหลากหลายรูปแบบมาก
ดังนั้นยิ่งคุณเป็นคนดังเท่าไหร่ ก็ต้องมีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดมากขึ้นเท่านั้น ป้องกันทั้งแฟนคลั่ง และป้องกันทั้งซาแซง
ปัจจุบันนี้ นักกีฬาไม่ได้เป็นแค่นักกีฬาอีกต่อไปแล้ว แต่คุณคือ Public Figure คนที่มีหน้ามีหน้าตาในสังคม แถมยังไม่รู้จุดประสงค์ด้วยว่าคนที่เข้าใกล้คุณ คิดอะไรอยู่กันแน่
สำหรับเรื่องสตอลเกอร์ ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นจากความรัก หรือ ความคลั่งไคล้อันเกินพอดี จนไม่รู้ลิมิตว่าสามารถทำได้แค่ไหน แล้วก้าวล้ำพื้นที่ส่วนบุคคลของคนที่เราบอกว่าชอบ บอกว่ารัก
ก็เหมือนกับประโยคที่ผู้คนมักจะพูดกันอยู่เสมอ ว่า “รักเกินรัก มักทำลาย”
รักมากไป ไม่มีความพอดี มีแต่จะพินาศกันทุกฝ่าย
ลองคิดดูว่า ถ้าคนที่เราชอบ กลับต้องมาหวาดผวา และไม่มีความสุขเพราะเรา
คงต้องพิจารณาตัวเองแล้ว ว่าเรารักเขาจริงๆ หรือ แค่สนองความต้องการของตัวเองเท่านั้น
ตั้งแต่คว้าแชมป์ยูเอส โอเพ่น ในปี 2021 ได้สำเร็จ นักเทนนิสสาวชื่อ เอ็มม่า ราดูคานู ก็กลายเป็นขวัญใจของชาวอังกฤษ
ก่อนหน้านั้น 44 ปี ไม่เคยมีนักเทนนิสหญิงชาวอังกฤษได้แชมป์แกรนด์แสลมมาก่อน แต่เอ็มม่าก็ทำลายกำแพงนั้นลงได้ ด้วยผลงานมหัศจรรย์ ลงแข่งตั้งแต่รอบควอลิฟาย ไปจนถึงรอบชิง ชนะ 10 แมตช์รวด โดยไม่เสียแม้แต่เซ็ตเดียว
นอกจากจะเล่นเทนนิสเก่งแล้ว เอ็มม่าเป็นเด็กสาวหน้าตาดี แถมยังฉลาดรอบรู้ พูดได้ 3 ภาษา คืออังกฤษ, แมนดาริน และ โรมาเนีย ในบรรดานักเทนนิสหญิงที่ยังลงเล่นอยู่ ณ ปัจจุบัน เธอมียอดฟอลโลเวอร์ในโซเชียลมีเดียมากที่สุดเป็นอันดับสอง (2.6 ล้านคนในไอจี) เป็นรองแค่ นาโอมิ โอซากะ คนเดียวเท่านั้น
ด้วยความที่เอ็มม่าครบเครื่องขนาดนี้ เธอจึงมีสปอนเซอร์เพียบ ปีที่แล้วเธอทำเงินจากการเป็นพรีเซ็นเตอร์ และเล่นโฆษณา ไปมากถึง 14 ล้านดอลลาร์ เป็นนักกีฬาหญิงที่ได้เงินจากการเป็นพรีเซ็นเตอร์มากที่สุดอันดับ 5 ของโลก เป็นรองแค่ โคโค่ กอฟฟ์, ไอลีน กู่, เจิ้ง ชินเหวิน และ นาโอมิ โอซากะ
ความรวยและความโด่งดังในชั่วพริบตา สิ่งที่เธอต้องแลกมา คือ การต้องรับมือกับ “สตอลเกอร์”
สตอลเกอร์ แปลเป็นไทย คือบุคคลที่ชอบมีพฤติกรรมสะกดรอยตาม จนไปรบกวนชีวิตของอีกฝ่าย ในวงการบันเทิงมีให้เห็นกันบ่อยๆ แต่ในช่วงหลังๆ มันก็เกิดขึ้นกับวงการกีฬาด้วยเช่นกัน
เดือนพฤศจิกายน 2022 เกิดเหตุการณ์แปลกๆ เอ็มม่า เป็นเวลา 1 เดือนเต็มๆ
ความแปลกเริ่มจาก ต้นคริสต์มาสที่ตั้งไว้ประดับหน้าบ้านของเธอที่ชานเมืองลอนดอน อยู่ๆ ก็มี เครื่องตกแต่งอันใหม่ๆ เพิ่มขึ้นบนต้นคริสต์มาสแบบงงๆ ถามใครก็ไม่รู้ ว่าเครื่องตกแต่งพวกนั้นมาจากไหน
วันต่อมา มีช่อดอกไม้วางไว้หน้าบ้าน แนบการ์ดเขียนประโยคว่า “ไม่มีอะไรจะพูด แต่คุณสมควรได้รับความรัก”
แล้ววันต่อมาอีก รองเท้าที่วางไว้ที่ระเบียงบ้าน อยู่ๆ ก็หายไปอย่างไม่มีเหตุผล
ความน่ากลัวเพิ่มขึ้นในวันต่อมาอีก เมื่ออยู่ๆ มีการ์ดปริศนา เสียบไว้ในกล่องจดหมายหน้าบ้านเอ็มม่า เนื้อในเขียนว่า “ถึงเอ็มม่า ฉันเดิน 23 ไมล์ เพื่อมาหาเธอโดยเฉพาะ”
เมื่อเรื่องมันมาถึงขนาดนี้แล้ว ทำให้ครอบครัวของเอ็มม่าแจ้งความทันที เพราะคงไม่ใช่แค่การกลั่นแกล้งกันเล่นๆ แล้ว แต่เป็นสตอลเกอร์ที่เจตนาคุกคามชัดเจน
ตำรวจไล่ดูภาพวงจรปิด และจับกุม อัมริท มาการ์ คนอังกฤษเชื้อสายเนปาล วัย 35 ปี อาชีพเป็นคนขับรถส่งของจากบริษัทอะเมซอน โดยมีหลักฐานมัดตัวหนักแน่น ว่าเขาเป็นคนบุกรุกเข้ามาที่บ้านของเอ็มม่า อย่างน้อย 5 ครั้ง
อัมริท มาการ์ที่แต่งงานแล้ว สารภาพว่า เขาหลงใหลเอ็มม่าจากที่เห็นในทีวี ก็เลยไปสืบหาว่าบ้านของเธออยู่ไหน ส่วนสาเหตุที่เขาขโมยรองเท้าหน้าบ้านเอ็มม่าไป ก็เพื่อเอาไปเป็นของที่ระลึก (แต่อัมริทหยิบรองเท้าผิด ไปหยิบเอาของคุณพ่อไปแทน)
ศาลอังกฤษพิพากษาห้ามอัมริท มาการ์ เข้าใกล้เอ็มม่า 5 ปี และต้องติดอีเล็กทรอนิคส์แท็กไว้ที่ข้อเท้าด้วย พร้อมทั้งต้องทำงานรับใช้ชุมชนเป็นเวลา 200 ชั่วโมงโดยไม่ได้รับค่าจ้าง
สำหรับเอ็มม่า แม้คดีจะถูกศาลตัดสินไปแล้ว แต่ก็กลายเป็นปมในใจเธออย่างมาก เพราะโดนสตอลเกอร์ตามหลอกหลอนอยู่เป็นเดือน เธอเล่าว่า “ฉันรู้สึกไม่ปลอดภัยในบ้านตัวเอง ทั้งๆ ที่ควรจะรู้สึกปลอดภัยมากที่สุดแท้ๆ”
หลังจากมีประเด็นของอัมริท มาการ์ ให้ต้องจิตตกแล้ว เอ็มม่าก็มาโชคร้ายอีก เมื่อได้รับบาดเจ็บที่ข้อมือ และ ข้อเท้าซ้าย จนต้องเข้ารับการผ่าตัด ไม่ได้ลงแข่งขันหลายเดือน และจากที่เคยอยู่อันดับ 10 ของโลก ก็ร่วงลงไปต่ำสุด อยู่ที่อันดับ 303 ของโลก
แต่พอเอ็มม่าผ่าตัดเสร็จ ร่างกายคืนสภาพ เธอเริ่มกลับมาแข่งได้ต่อเนื่องอีกครั้ง และค่อยๆ ทำอันดับดีขึ้นเรื่อยๆ จนทะลุท็อป 60 ของโลกได้สำเร็จ
ปัจจุบันเอ็มม่าอายุ 22 ปี เธอไม่มีแฟน ไม่ได้คบหากับใคร ตอนนี้มุ่งมั่นที่เรื่องเทนนิสอย่างเดียว เป้าหมายหลักคือเดินทางไปแข่ง WTA Tour อย่างต่อเนื่อง เพื่อคัมแบ็กกลับไปสู่ท็อป 10 ให้ได้อีกครั้ง
ทุกอย่างก็ราบรื่นดี เอ็มม่าก็ตั้งใจแข่งของเธอไป แต่ก็ดันมีเรื่องให้เธอต้องน้ำตาตกอีกครั้ง เมื่อเธอเจอผู้ชายอีกคนหนึ่งที่น่าจะเป็นสตอลเกอร์เช่นกัน (ไม่ใช่ อัมริท มาการ์)
ผู้ชายปริศนาคนนี้ ติดตามเธอไปหลายประเทศ เอ็มม่าบินไปไหน ก็บินตามไปดูด้วยทุกทัวร์นาเมนต์
เริ่มจากวันที่ 27 มกราคม 2025 รายการสิงคโปร์ โอเพ่น ตามด้วยวีกต่อมา อาบูดาบี โอเพ่น วีกต่อมากาตาร์ โอเพ่น และวีกต่อมา ดูไบ เทนนิส แชมเปียนส์ชิพ
ในช่วง 4 สัปดาห์ ผู้ชายคนนี้บินตามไปดูเอ็มม่าถึง 4 เมือง 3 ประเทศ ซึ่งในตอนแรกๆ ตัวเอ็มม่ากับทีมงานก็ยังไม่ได้เอะใจอะไร เพราะนึกว่าเป็นแฟนคลับทั่วไป
แต่การกระทำมันเริ่มดูคุกคามมากขึ้นเรื่อยๆ เช่น มีการมาดักรอจุดที่นักกีฬาจะเดินออกจากสนาม เพื่อขอเซลฟี่บ้าง บางครั้งก็ขอกอดบ้าง มีการเริ่มถึงเนื้อถึงตัว
สิ่งที่ทำให้เอ็มม่ารู้สึกไม่สบายใจมากๆ คือช่วงที่เธอแข่งรายการที่ดูไบ รอบแรกเธอเอาชนะซูซาน ลาเมนส์ จากฮอลแลนด์มาได้ ก็เตรียมรอแข่งรอบสอง กับ แคโรลีน่า มูโคว่า จากสาธารณรัฐเช็ก
วันที่ 16 กุมภาพันธ์ คืนก่อนแข่งกับมูโคว่า เธอไปกินอาหารในเมืองดูไบ ปรากฏว่า ผู้ชายปริศนาคนนี้ ไปดักรอเจอเธอที่ร้านอาหาร และยื่น “กระดาษโน้ต” ให้หนึ่งแผ่น
เอ็มม่าไม่ได้เล่าว่ากระดาษแผ่นนั้นเขียนว่าอะไรบ้าง แต่มันทำให้เธอต้องรู้สึกหลอนที่โดนบุกรุกมาใกล้ตัวขนาดนี้
โรมัน เคเลซิซ โค้ชของเอ็มม่า เล่าว่า “ช่วงที่เธอออกไปกินข้าวที่ร้านอาหาร เป็นช่วงเวลาเดียวที่ผม, โค้ชฟิตเนส หรือ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย จะไม่ได้อยู่ใกล้ๆ เธอ เพื่อให้เธอได้รับความเป็นส่วนตัว แต่ผู้ชายคนนี้ ศึกษาสถานการณ์เอาไว้หมดแล้ว และรอจังหวะที่เหมาะสม ที่จะได้เข้ามาอยู่ใกล้ๆ เธอ เขาวางแผนได้น่ากลัวมาก เหมือนว่าคิดคำนวณมาแล้วเรียบร้อย”
เอ็มม่ารีบแจ้งทีมงานทันที ว่าเจอผู้ชายคนนี้ จู่โจมเข้ามาใกล้ๆ และมีลักษณะเป็นสตอลเกอร์ ในอดีตเธอเคยเจอเรื่องนี้มาแล้ว ไม่น่าเชื่อว่า แค่ 2 ปีต่อมา ก็ต้องมาโดนเหตุการณ์คล้ายๆ เดิมอีกครั้ง
ทีมงานไม่ได้นิ่งนอนใจ ส่งรูปของผู้ชายต้องสงสัยให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยช่วยกันเช็ก เพื่อไม่ให้เข้าใกล้เอ็มม่าได้อีก
วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เอ็มม่าลงแข่งรอบสอง เจอกับมูโคว่า การแข่งเริ่มไปไม่ถึง 2 นาที สกอร์เกมแรก เสมอกันอยู่ 15-15 เอ็มม่าก็สังเกตเห็นว่า สตอลเกอร์คนดังกล่าว นั่งอยู่แถวหน้าสุดในสแตนด์! ไม่รู้ทีมงานเช็กกันยังไง แต่ผู้ชายคนนี้ก็เข้ามาอยู่ใกล้ตัวเธอได้อยู่ดี และอยู่แถวหน้าสุดด้วย
เท่านั้นล่ะ เอ็มม่าจิตหลุดทันที เธอเดินมาหาทีมโค้ชแล้วร้องไห้ พร้อมกับพูดว่า “เขาอยู่นี่ เขาอยู่นี่ เขาอยู่นี่”
เอ็มม่ากลับมาแข่งต่อ แต่ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว หลังจากเล่นต่ออีกไม่ถึง 10 นาที เธอรีบเดินมาหลบหลังเก้าอี้อัมไพร์ แล้วบอกผู้ตัดสินว่าเธอกำลังเจออะไรอยู่
จากนั้นก็กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต เจ้าหน้าที่สนาม บุกขึ้นมาบนสแตนด์ แล้วเอาตัวผู้ชายต้องสงสัยคนนี้ออกไปส่งตำรวจ จากข้อมูลล่าสุด ไม่มีการเปิดเผยชื่อหรือสัญชาติ แต่รู้แค่ว่า ไม่ใช่คนอังกฤษ และไม่ใช่คนยูเออี เป็นคนชาติอื่น
แม้สตอลเกอร์จะออกจากสนามไปแล้ว แต่เอ็มม่ายังหวาดผวาอยู่ สุดท้ายก็แพ้ไป 2 เซ็ตรวด ตกรอบไปอย่างน่าเสียดาย
บทสรุปของเรื่องนี้ ทีมงานของเอ็มม่าทำข้อตกลงกับชายปริศนาคนนี้ว่าจะไม่แจ้งข้อหา แต่บังคับให้เซ็นสัญญาว่า จะไม่มาเข้าใกล้เอ็มม่าอีกต่อไป
ขณะที่ WTA ในฐานะองค์กรที่ควบคุมการแข่งขันเทนนิสหญิง ก็ส่งรายชื่อ และใบหน้า ของชายคนนี้เป็นแบล็คลิสต์เอาไว้ว่าไม่ให้เข้าไปดูการแข่งขันทุกอีเวนต์ที่จัดโดย WTA
เรื่องราวก็จบตรงนี้ เอ็มม่านั้นโชคร้ายที่ต้องเจอสตอลเกอร์ไล่ตามถึง 2 ครั้งแล้ว และเธอก็หวังว่าจะไม่มีครั้งที่ 3
คือชื่นชอบผลงานกันน่ะไม่แปลก แต่ถ้าบุกไปทุกสถานที่แบบนี้ ใครๆ ก็คงกลัวกันทั้งนั้น
กรณี “แฟนคลับคลั่ง” ในวงการกีฬานั้น สร้างความน่ากลัวให้กับตัวนักกีฬาอย่างมาก ขั้นแรกเลย คือโดนรุกล้ำความเป็นส่วนตัว
ขั้นที่สองคือ คุณไม่มีทางรู้ว่าคนที่คลั่งจะทำอะไรได้บ้าง เหมือนกับเคสของกุนเธอร์ พาร์เช่อ แฟนคลับชาวเยอรมนีที่คลั่งไคล้สเตฟฟี่ กราฟ นักเทนนิสมือหนึ่งของโลก ในยุค 90s แบบสุดๆ
แล้วพอวันหนึ่ง ที่สเตฟฟี่ กราฟ ถูกนักเทนนิสดาวรุ่งชาวสหรัฐฯ ชื่อโมนิก้า เซเลส ก้าวขึ้นมาท้าทายบัลลังก์ ปรากฏว่ากุนเธอร์ พาร์เชอร์ เอามีด 9 นิ้ว ไปแทงกลางหลังของเซเลสจนบาดเจ็บหนัก และไม่สามารถกลับมาเล่นได้เหมือนเดิมอีกเลย
คือแฟนคลับที่เข้ามาใกล้ชิดคุณ อาจจะเป็นซาแซง ที่จ้องจะเล่นงานกันก็ได้ คือมันมีความน่ากลัวหลากหลายรูปแบบมาก
ดังนั้นยิ่งคุณเป็นคนดังเท่าไหร่ ก็ต้องมีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดมากขึ้นเท่านั้น ป้องกันทั้งแฟนคลั่ง และป้องกันทั้งซาแซง
ปัจจุบันนี้ นักกีฬาไม่ได้เป็นแค่นักกีฬาอีกต่อไปแล้ว แต่คุณคือ Public Figure คนที่มีหน้ามีหน้าตาในสังคม แถมยังไม่รู้จุดประสงค์ด้วยว่าคนที่เข้าใกล้คุณ คิดอะไรอยู่กันแน่
สำหรับเรื่องสตอลเกอร์ ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นจากความรัก หรือ ความคลั่งไคล้อันเกินพอดี จนไม่รู้ลิมิตว่าสามารถทำได้แค่ไหน แล้วก้าวล้ำพื้นที่ส่วนบุคคลของคนที่เราบอกว่าชอบ บอกว่ารัก
ก็เหมือนกับประโยคที่ผู้คนมักจะพูดกันอยู่เสมอ ว่า “รักเกินรัก มักทำลาย”
รักมากไป ไม่มีความพอดี มีแต่จะพินาศกันทุกฝ่าย
ลองคิดดูว่า ถ้าคนที่เราชอบ กลับต้องมาหวาดผวา และไม่มีความสุขเพราะเรา
คงต้องพิจารณาตัวเองแล้ว ว่าเรารักเขาจริงๆ หรือ แค่สนองความต้องการของตัวเองเท่านั้น
More Stories
ด้อยค่าระบบหลัง 3 หรือเปล่า “แม็ค ไกวร์” พูดตรงๆ ถึงแนวทาง “อโมริม” ที่ตอนนี้ไม่เวิร์กอย่างแรง
เหล่าแข้ง บีจี ปทุม ยูไนเต็ด และ เมืองทอง ยูไนเต็ด เดินทางถึงยังสนามบีจี สเตเดี้ยม เป็นที่เรียบร้อย ก่อนทำศึกบิ๊กแมตช์ ไ…
ข่าวดี.! โรดรี้ เริ่มซ้อมเดี่ยวกับทีมได้แล้ว มีลุ้นคืนสนามท้ายซีซั่น