
ตั้งแต่เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เข้ามาคุมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในปี 2016 นี่คือครั้งแรก ที่สำนักข่าว และสำนักสถิติต่างๆ ระบุว่า มีโอกาสแพ้ลิเวอร์พูลคาบ้าน มากกว่าชนะ
stats insider บริษัทที่ใช้ระบบ AI คำนวณความน่าจะเป็นของเกมวันอาทิตย์นี้ ปรากฏว่า แมนฯ ซิตี้ มีโอกาสชนะ 34.6% มีโอกาสเสมอ 22.4% และ ลิเวอร์พูลมีโอกาสชนะ 43.0%
ตามปกติแล้ว ถ้าแมตช์ที่แมนฯ ซิตี้ แข่งที่เอติฮัด สเตเดี้ยม พวกเขาเป็นต่อคู่แข่งเสมอ แต่นี่เป็นครั้งแรกจริงๆ ที่โดนฟันธงว่าโอกาสแพ้เยอะกว่าขนาดนี้
ในฤดูกาลนี้ (2024-25) ต้องบอกว่า เป็นหายนะอย่างแท้จริงของทีมเรือใบสีฟ้า ความเลวร้ายทุกอย่างเกิดขึ้นพร้อมกันหมดเลย
เริ่มจากโรดรี้ กองกลางคีย์แมน เจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ เจ็บยาวทั้งซีซั่น
ผู้คนมักประเมินคุณค่าของโรดรี้ ต่ำเกินกว่าความจริง อย่าลืมว่าก่อนเขาจะเจ็บ นี่คือผู้เล่นที่ลงตัวจริง 59 เกมติดต่อกันให้ทีมเรือใบสีฟ้า และยังเป็นนักเตะที่จ่ายบอลเข้าเป้าสูงสุดในพรีเมียร์ลีก ในฤดูกาล 2023-24 อีกด้วย
โรดรี้ มีทักษะพิเศษคือ เวลาทีมเล่นเกมรับ เขาสามารถถอยต่ำมาเป็นเซ็นเตอร์แบ็กคนที่ 3 ได้ด้วย นอกจากนั้น เวลาที่ทีมเล่นเกมบุก เขาสามารถเติมขึ้นไปได้ถูกจังหวะตลอด จนช่วยยิงประตูสำคัญให้เป๊ปได้เสมอ
สำหรับเป๊ป ขาดใครก็ขาดได้ แต่ขาดโรดรี้ไม่ได้ ดังนั้นเมื่อโรดรี้เจ็บหนัก นี่เป็นเรื่องที่รุนแรงถึงขั้นหายนะเลยทีเดียว
ไม่ใช่แค่โรดรี้ ปัญหาต่อมาที่เป๊ปต้องเผชิญ คือ ความถดถอยของผู้เล่นแต่ละคนที่อายุมากขึ้น แบร์นาโด้ ซิลวา (30 ปี),เควิน เดอ บรอยน์ (33 ปี), อิลคาย กุนโดกัน (34 ปี)
หลายคน ฟอร์มจมดิ่งแบบกู่ไม่กลับ เจเรมี่ โดกู, แจ๊ค กรีลิช และ มาเทอุส นูเนส รวมถึงนายทวารเอแดร์ซอน ที่เป็นตัวจริงมาหลายปี ก็โดนดร็อปเป็นสำรองในปีนี้
เมื่อนักเตะพร้อมใจกันเล่นแย่ ทำให้เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ ที่ชงเองกินเองไม่ได้ แต่ต้องรอเพื่อนจ่ายบอลมาให้จบสกอร์ ก็เลยลำบากไปด้วย
ฮาแลนด์ ยังยิงอยู่เรื่อยๆ ก็จริง แต่แบกคนเดียวก็ไม่ไหว ถ้าหากโดนรุมประกบ แล้วคนอื่นจบสกอร์ไม่ได้ ทีมก็ลำบากทันที
เกมรุกตื้อ เกมรับพัง ตอนนี้แมนฯ ซิตี้ ลงเล่นมา 25 เกม เสียประตูไปแล้ว 35 ลูก คือใน 8 ฤดูกาลที่ผ่านมา เป๊ปเสียประตูสูงสุดในลีก 39 ลูก (ใน 38 เกม) คือดูทรงแล้ว ยังไงซีซั่นนี้ สถิติเสียประตูมากสุด ก็ต้องโดนทำลายแน่ๆ เพราะเหลืออีกตั้ง 13 เกมให้เล่น
สถานการณ์ของแมนฯ ซิตี้ ตอนนี้
พรีเมียร์ลีก – ชวดแชมป์แน่ๆ
คาราบาวคัพ – ตกรอบแล้ว
แชมเปี้ยนส์ลีก – ตกรอบแล้ว
เอฟเอคัพ – เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย
จากทีมที่เคยลุ้นแชมป์ทุกปี เหลือลุ้นแค่เอฟเอคัพ ถ้วยเดียว พอจะบอกได้ว่า นี่เป็นปีที่ล้มเหลวแบบสุดๆ ของกวาร์ดิโอล่า
ดังนั้นสำหรับลิเวอร์พูล ถ้าจะบุกมาโค่นแมนฯ ซิตี้คาบ้านได้ มันก็ต้องทำในฤดูกาลนี้ ในเกมวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้เลย
แม้ว่าจะมีสะดุดไปบ้าง จากเกมเสมอเอฟเวอร์ตัน และ เสมอแอสตัน วิลล่า แต่ในภาพรวม ลิเวอร์พูลพร้อมกว่า มั่นใจกว่า ตัวผู้เล่นสมบูรณ์กว่า และฟอร์มดีกว่ามาก อันดับในตารางคะแนนของหงส์แดง ห่างจากแมนฯ ซิตี้ มากถึง 17 แต้ม ยังไงทีมเรือใบสีฟ้าก็ไล่ไม่ทันแน่นอน
ทีมหงส์แดงมีปมแค้นในใจ กับแมนฯ ซิตี้อย่างมาก คือในยุคของเจอร์เก้น คล็อปป์ พวกเขาเคยทำแต้มได้ 97 และ 92 แต้ม แต่ยังคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกไม่ได้ เพราะแมนฯ ซิตี้ เล่นได้ท็อปฟอร์มสุดๆ และได้ 98 กับ 93 แต้ม ตามลำดับ ปาดหน้าคว้าแชมป์ลีกไปได้ทั้ง 2 ครั้ง
คล็อปป์ เป็นคนดวงซวยมาก คือทีมเล่นดีขนาดนั้นแล้ว ทั้งฤดูกาลแพ้แค่ 1 เกม แต่มาเจอแมนฯ ซิตี้ ที่ไม่มีพลาด ไม่มีหลุดเลย ไม่มีเสมอ ไม่มีแพ้ เอาชนะได้ตลอดราวกับเครื่องจักร
ในวันนี้เมื่อลิเวอร์พูลเปลี่ยนโค้ช มาสู่ยุคของอาร์เน่อ สล้อธ ก็เหมือนกับแมนฯ ซิตี้ ใช้พลังความโชคดีหมดลงแล้ว มรสุมต่างๆ เข้ามารุมเร้าโดยฉับพลัน ในขณะที่ลิเวอร์พูลของสล้อธ เจอแต่ความสดใส มีแต่เรื่องดีๆ เข้ามาหาอยู่เรื่อยๆ
สำหรับเกมวันอาทิตย์นี้ มีคีย์พอยต์ ต้องจับตามองหลายเรื่องมากๆ
———————-
เรื่องที่ 1 แมนฯ ซิตี้ จะวางแผนอย่างไร เล่นเพื่อชนะ หรือ ว่าจะดึงเสมอเอาไว้ก่อน
ถ้าเล่นเพื่อชนะ ต้องบุกใส่ลิเวอร์พูล ทีมที่มีเกมรุกอันดับ 1 ในลีก พวกเขาจะรอดพ้นจากเกมโต้กลับเร็วได้หรือไม่ นี่คือคำถาม แต่ถ้าสมมุติเล่นอุดเพื่อหวัง 1 แต้ม ก็มีโอกาสโดนทั้งบอร์นมัธ และ เชลซี ทำอันดับแซงขึ้นไปอยู่ท็อปโฟร์ทันทีในสัปดาห์นี้เลย
แมนฯ ซิตี้ ตกรอบยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกไปแล้ว ดังนั้นพวกเขาต้องเกาะท็อปโฟร์ เพื่อกลับไปถ้วยใหญ่ให้ได้ในปีหน้า การเก็บสามแต้มให้ได้ ถือเป็นเรื่องจำเป็นทีเดียว
เรื่องที่ 2 ลิเวอร์พูล จะพอใจกับการเก็บ 1 แต้มไหม?
ทีมหงส์แดง เวลาเจอทีมหัวตารางด้วยกัน ถ้าเป็นเกมเยือน พวกเขาจะเล่นระวังขึ้น และไม่ซีเรียสถ้าจบด้วยผลเสมอ ก่อนหน้านี้ไปเยือนอาร์เซน่อล (อันดับ 2) ก็เสมอ เช่นเดียวกับไปเยือนฟอเรสต์ (อันดับ 3) ก็เสมอเหมือนกัน ดังนั้นถ้าเจอแมนฯ ซิตี้ แล้วเก็บได้ 1 แต้ม บางทีสล้อธอาจจะพอใจแล้วก็ได้ เรายังเดาใจเขาไม่ได้ ว่าจะวางกลยุทธ์แบบไหน
เรื่องที่ 3 นี่คือศึกแย่งชิงดาวซัลโว
โม ซาลาห์ นำเป็นดาวซัลโวของพรีเมียร์ลีกที่จำนวน 24 ประตู ส่วน ฮาแลนด์อยู่อันดับสอง ด้วยจำนวน 19 ประตู แน่นอนว่า ซาลาห์ จะไม่ยอมให้ฮาแลนด์ขยับเข้ามาใกล้ง่ายๆ
ก่อนที่ฮาแลนด์จะย้ายมาพรีเมียร์ลีก ซาลาห์คว้าดาวซัลโวของลีกได้ถึง 3 สมัย แต่พอฮาแลนด์มา เขาโดนฮาแลนด์แย่งไปทั้ง 2 ครั้ง ดังนั้นได้เวลาแล้วที่ซาลาห์จะเอาคืน ทวงตำแหน่งดาวซัลโวของเขากลับคืนมา
สถิติที่น่าสนใจคือฤดูกาลนี้ ฮาแลนด์ สร้างโอกาสยิงได้มากกว่าซาลาห์เสียอีก (92 ต่อ 89) แต่จำนวนประตูซาลาห์ทำได้มากกว่าถึง 5 ลูก แสดงให้เฉียบขาดสุดๆ ของซาลาห์ในซีซั่นนี้
เรื่องที่ 4 นี่คือการปะทะกันของสตาร์แห่งอียิปต์
ที่อียิปต์ เรียกซาลาห์ว่า King of Egypt จากผลงานยิงประตูถล่มทลายตลอดชีวิตการเล่น ส่วนนักเตะที่มีฉายาว่า Prince of Egypt คือ โอมาร์ มาร์มุช ดาวเตะของแมนฯ ซิตี้ ที่เพิ่งซื้อมาจากแฟรงค์เฟิร์ตนั่นเอง ทั้งคู่เป็นสตาร์ของคนอียิปต์ และของคนทวีปแอฟริกา
ราชา จะปะทะกับเจ้าชาย ใครจะเหนือกว่ากัน และยิงประตูได้ในเกมแบบนี้ เดี๋ยวเราจะได้รู้กันเลย
———————-
นี่ล่ะครับ คือเรื่องราวของ “ซูเปอร์บิ๊กแมตช์” ของพรีเมียร์ลีก ในวันอาทิตย์นี้ เวลา 23.30 น.
เกมนี้เดือดแน่ และสูสีแน่ แมนฯ ซิตี้ ได้เปรียบที่เล่นในบ้าน และได้พักเออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ แบบเต็มๆ ในเกมเจอเรอัล มาดริด (ไม่ได้ลงแม้แต่นาทีเดียว) คือกะเอาไว้ซัดหงส์นี่แหละ
แต่ลิเวอร์พูลมีความมั่นใจมากกว่า อันดับดีกว่า และทีมดูลงตัวมากกว่า
ต่างคนก็ต่างมีจุดแข็งที่ไว้เล่นงานคู่แข่งได้
สถิติน่าสนใจระบุว่า ตั้งแต่เป๊ป เป็นผู้จัดการทีม แมนฯ ซิตี้ ไม่เคยแพ้หงส์แดงคาบ้านในพรีเมียร์ลีกแม้แต่ครั้งเดียว คือแพ้คาบ้านในแชมเปี้ยนส์ลีกนี่เคย แต่ถ้าเป็นบอลลีกยังไม่เคย แต่สถิตินี้จะจบลงด้วยฝีมืออาร์เน่อ สล้อธหรือไม่ เราจะได้รู้ครับ
เกมนี้ กองเชียร์หงส์แดงต้องดู คือถ้าชนะก็แทบจะมอบถ้วยแชมป์ให้แล้ว คือถ้าชนะไม่ต้องห่วงเลยว่าจะโดนไล่ทัน ความมั่นใจจะพุ่งทะยานมาก
ส่วนกองแช่งถ้าอยากให้หงส์วืดแชมป์ก็ต้องดูเช่นกันครับ เพราะถ้าซิตี้ตัดแต้มได้ที่เอติฮัด อาจจะบีบช่องว่างของแต้ม ให้อาร์เซน่อลไล่จี้เหลือ “2 แต้ม”
เกมนี้สำคัญจริงๆ และจะมีผลมากๆ ต่อการตัดสินแชมป์ฤดูกาล 2024-25 ครับผม
ถ้าใครอยากดูเกมนี้ สามารถซื้อแพ็คเกจ Now EPL 3 Months ได้ทางทรูวิชันส์ ผู้ถือลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีกอย่างถูกต้องในซีซั่นนี้นะครับผม
ถ้าสมัครแพ็คเกจนี้ สามารถชมพรีเมียร์ลีกผ่านทางแอพ True Visions Now ได้เลย โดยสามารถดูได้พร้อมกันสูงสุด 2 จอเลยนะครับผม คือถ้าสมัครวันนี้ ก็ดูได้ครบจบฤดูกาลในเดือนพฤษภาคมพอดีครับ
สมัครได้เลยวันนี้ ได้ดูบอลพรีเมียร์ลีก พร้อมทั้งเสียงพากย์ไทยจากทีมงานคุณภาพ ดูได้ทุกอุปกรณ์ ทั้งมือถือ, แท็บเลต, สมาร์ททีวี ฯลฯ
สนใจสมัคร คลิกทางนี้ได้เลยนะครับ https://truevisions-now.onelink.me/RQwi/KOLs1JJF
#TrueVisions #TrueVisionsNow #NowEPL #EPL
stats insider บริษัทที่ใช้ระบบ AI คำนวณความน่าจะเป็นของเกมวันอาทิตย์นี้ ปรากฏว่า แมนฯ ซิตี้ มีโอกาสชนะ 34.6% มีโอกาสเสมอ 22.4% และ ลิเวอร์พูลมีโอกาสชนะ 43.0%
ตามปกติแล้ว ถ้าแมตช์ที่แมนฯ ซิตี้ แข่งที่เอติฮัด สเตเดี้ยม พวกเขาเป็นต่อคู่แข่งเสมอ แต่นี่เป็นครั้งแรกจริงๆ ที่โดนฟันธงว่าโอกาสแพ้เยอะกว่าขนาดนี้
ในฤดูกาลนี้ (2024-25) ต้องบอกว่า เป็นหายนะอย่างแท้จริงของทีมเรือใบสีฟ้า ความเลวร้ายทุกอย่างเกิดขึ้นพร้อมกันหมดเลย
เริ่มจากโรดรี้ กองกลางคีย์แมน เจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ เจ็บยาวทั้งซีซั่น
ผู้คนมักประเมินคุณค่าของโรดรี้ ต่ำเกินกว่าความจริง อย่าลืมว่าก่อนเขาจะเจ็บ นี่คือผู้เล่นที่ลงตัวจริง 59 เกมติดต่อกันให้ทีมเรือใบสีฟ้า และยังเป็นนักเตะที่จ่ายบอลเข้าเป้าสูงสุดในพรีเมียร์ลีก ในฤดูกาล 2023-24 อีกด้วย
โรดรี้ มีทักษะพิเศษคือ เวลาทีมเล่นเกมรับ เขาสามารถถอยต่ำมาเป็นเซ็นเตอร์แบ็กคนที่ 3 ได้ด้วย นอกจากนั้น เวลาที่ทีมเล่นเกมบุก เขาสามารถเติมขึ้นไปได้ถูกจังหวะตลอด จนช่วยยิงประตูสำคัญให้เป๊ปได้เสมอ
สำหรับเป๊ป ขาดใครก็ขาดได้ แต่ขาดโรดรี้ไม่ได้ ดังนั้นเมื่อโรดรี้เจ็บหนัก นี่เป็นเรื่องที่รุนแรงถึงขั้นหายนะเลยทีเดียว
ไม่ใช่แค่โรดรี้ ปัญหาต่อมาที่เป๊ปต้องเผชิญ คือ ความถดถอยของผู้เล่นแต่ละคนที่อายุมากขึ้น แบร์นาโด้ ซิลวา (30 ปี),เควิน เดอ บรอยน์ (33 ปี), อิลคาย กุนโดกัน (34 ปี)
หลายคน ฟอร์มจมดิ่งแบบกู่ไม่กลับ เจเรมี่ โดกู, แจ๊ค กรีลิช และ มาเทอุส นูเนส รวมถึงนายทวารเอแดร์ซอน ที่เป็นตัวจริงมาหลายปี ก็โดนดร็อปเป็นสำรองในปีนี้
เมื่อนักเตะพร้อมใจกันเล่นแย่ ทำให้เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ ที่ชงเองกินเองไม่ได้ แต่ต้องรอเพื่อนจ่ายบอลมาให้จบสกอร์ ก็เลยลำบากไปด้วย
ฮาแลนด์ ยังยิงอยู่เรื่อยๆ ก็จริง แต่แบกคนเดียวก็ไม่ไหว ถ้าหากโดนรุมประกบ แล้วคนอื่นจบสกอร์ไม่ได้ ทีมก็ลำบากทันที
เกมรุกตื้อ เกมรับพัง ตอนนี้แมนฯ ซิตี้ ลงเล่นมา 25 เกม เสียประตูไปแล้ว 35 ลูก คือใน 8 ฤดูกาลที่ผ่านมา เป๊ปเสียประตูสูงสุดในลีก 39 ลูก (ใน 38 เกม) คือดูทรงแล้ว ยังไงซีซั่นนี้ สถิติเสียประตูมากสุด ก็ต้องโดนทำลายแน่ๆ เพราะเหลืออีกตั้ง 13 เกมให้เล่น
สถานการณ์ของแมนฯ ซิตี้ ตอนนี้
พรีเมียร์ลีก – ชวดแชมป์แน่ๆ
คาราบาวคัพ – ตกรอบแล้ว
แชมเปี้ยนส์ลีก – ตกรอบแล้ว
เอฟเอคัพ – เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย
จากทีมที่เคยลุ้นแชมป์ทุกปี เหลือลุ้นแค่เอฟเอคัพ ถ้วยเดียว พอจะบอกได้ว่า นี่เป็นปีที่ล้มเหลวแบบสุดๆ ของกวาร์ดิโอล่า
ดังนั้นสำหรับลิเวอร์พูล ถ้าจะบุกมาโค่นแมนฯ ซิตี้คาบ้านได้ มันก็ต้องทำในฤดูกาลนี้ ในเกมวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้เลย
แม้ว่าจะมีสะดุดไปบ้าง จากเกมเสมอเอฟเวอร์ตัน และ เสมอแอสตัน วิลล่า แต่ในภาพรวม ลิเวอร์พูลพร้อมกว่า มั่นใจกว่า ตัวผู้เล่นสมบูรณ์กว่า และฟอร์มดีกว่ามาก อันดับในตารางคะแนนของหงส์แดง ห่างจากแมนฯ ซิตี้ มากถึง 17 แต้ม ยังไงทีมเรือใบสีฟ้าก็ไล่ไม่ทันแน่นอน
ทีมหงส์แดงมีปมแค้นในใจ กับแมนฯ ซิตี้อย่างมาก คือในยุคของเจอร์เก้น คล็อปป์ พวกเขาเคยทำแต้มได้ 97 และ 92 แต้ม แต่ยังคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกไม่ได้ เพราะแมนฯ ซิตี้ เล่นได้ท็อปฟอร์มสุดๆ และได้ 98 กับ 93 แต้ม ตามลำดับ ปาดหน้าคว้าแชมป์ลีกไปได้ทั้ง 2 ครั้ง
คล็อปป์ เป็นคนดวงซวยมาก คือทีมเล่นดีขนาดนั้นแล้ว ทั้งฤดูกาลแพ้แค่ 1 เกม แต่มาเจอแมนฯ ซิตี้ ที่ไม่มีพลาด ไม่มีหลุดเลย ไม่มีเสมอ ไม่มีแพ้ เอาชนะได้ตลอดราวกับเครื่องจักร
ในวันนี้เมื่อลิเวอร์พูลเปลี่ยนโค้ช มาสู่ยุคของอาร์เน่อ สล้อธ ก็เหมือนกับแมนฯ ซิตี้ ใช้พลังความโชคดีหมดลงแล้ว มรสุมต่างๆ เข้ามารุมเร้าโดยฉับพลัน ในขณะที่ลิเวอร์พูลของสล้อธ เจอแต่ความสดใส มีแต่เรื่องดีๆ เข้ามาหาอยู่เรื่อยๆ
สำหรับเกมวันอาทิตย์นี้ มีคีย์พอยต์ ต้องจับตามองหลายเรื่องมากๆ
———————-
เรื่องที่ 1 แมนฯ ซิตี้ จะวางแผนอย่างไร เล่นเพื่อชนะ หรือ ว่าจะดึงเสมอเอาไว้ก่อน
ถ้าเล่นเพื่อชนะ ต้องบุกใส่ลิเวอร์พูล ทีมที่มีเกมรุกอันดับ 1 ในลีก พวกเขาจะรอดพ้นจากเกมโต้กลับเร็วได้หรือไม่ นี่คือคำถาม แต่ถ้าสมมุติเล่นอุดเพื่อหวัง 1 แต้ม ก็มีโอกาสโดนทั้งบอร์นมัธ และ เชลซี ทำอันดับแซงขึ้นไปอยู่ท็อปโฟร์ทันทีในสัปดาห์นี้เลย
แมนฯ ซิตี้ ตกรอบยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกไปแล้ว ดังนั้นพวกเขาต้องเกาะท็อปโฟร์ เพื่อกลับไปถ้วยใหญ่ให้ได้ในปีหน้า การเก็บสามแต้มให้ได้ ถือเป็นเรื่องจำเป็นทีเดียว
เรื่องที่ 2 ลิเวอร์พูล จะพอใจกับการเก็บ 1 แต้มไหม?
ทีมหงส์แดง เวลาเจอทีมหัวตารางด้วยกัน ถ้าเป็นเกมเยือน พวกเขาจะเล่นระวังขึ้น และไม่ซีเรียสถ้าจบด้วยผลเสมอ ก่อนหน้านี้ไปเยือนอาร์เซน่อล (อันดับ 2) ก็เสมอ เช่นเดียวกับไปเยือนฟอเรสต์ (อันดับ 3) ก็เสมอเหมือนกัน ดังนั้นถ้าเจอแมนฯ ซิตี้ แล้วเก็บได้ 1 แต้ม บางทีสล้อธอาจจะพอใจแล้วก็ได้ เรายังเดาใจเขาไม่ได้ ว่าจะวางกลยุทธ์แบบไหน
เรื่องที่ 3 นี่คือศึกแย่งชิงดาวซัลโว
โม ซาลาห์ นำเป็นดาวซัลโวของพรีเมียร์ลีกที่จำนวน 24 ประตู ส่วน ฮาแลนด์อยู่อันดับสอง ด้วยจำนวน 19 ประตู แน่นอนว่า ซาลาห์ จะไม่ยอมให้ฮาแลนด์ขยับเข้ามาใกล้ง่ายๆ
ก่อนที่ฮาแลนด์จะย้ายมาพรีเมียร์ลีก ซาลาห์คว้าดาวซัลโวของลีกได้ถึง 3 สมัย แต่พอฮาแลนด์มา เขาโดนฮาแลนด์แย่งไปทั้ง 2 ครั้ง ดังนั้นได้เวลาแล้วที่ซาลาห์จะเอาคืน ทวงตำแหน่งดาวซัลโวของเขากลับคืนมา
สถิติที่น่าสนใจคือฤดูกาลนี้ ฮาแลนด์ สร้างโอกาสยิงได้มากกว่าซาลาห์เสียอีก (92 ต่อ 89) แต่จำนวนประตูซาลาห์ทำได้มากกว่าถึง 5 ลูก แสดงให้เฉียบขาดสุดๆ ของซาลาห์ในซีซั่นนี้
เรื่องที่ 4 นี่คือการปะทะกันของสตาร์แห่งอียิปต์
ที่อียิปต์ เรียกซาลาห์ว่า King of Egypt จากผลงานยิงประตูถล่มทลายตลอดชีวิตการเล่น ส่วนนักเตะที่มีฉายาว่า Prince of Egypt คือ โอมาร์ มาร์มุช ดาวเตะของแมนฯ ซิตี้ ที่เพิ่งซื้อมาจากแฟรงค์เฟิร์ตนั่นเอง ทั้งคู่เป็นสตาร์ของคนอียิปต์ และของคนทวีปแอฟริกา
ราชา จะปะทะกับเจ้าชาย ใครจะเหนือกว่ากัน และยิงประตูได้ในเกมแบบนี้ เดี๋ยวเราจะได้รู้กันเลย
———————-
นี่ล่ะครับ คือเรื่องราวของ “ซูเปอร์บิ๊กแมตช์” ของพรีเมียร์ลีก ในวันอาทิตย์นี้ เวลา 23.30 น.
เกมนี้เดือดแน่ และสูสีแน่ แมนฯ ซิตี้ ได้เปรียบที่เล่นในบ้าน และได้พักเออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ แบบเต็มๆ ในเกมเจอเรอัล มาดริด (ไม่ได้ลงแม้แต่นาทีเดียว) คือกะเอาไว้ซัดหงส์นี่แหละ
แต่ลิเวอร์พูลมีความมั่นใจมากกว่า อันดับดีกว่า และทีมดูลงตัวมากกว่า
ต่างคนก็ต่างมีจุดแข็งที่ไว้เล่นงานคู่แข่งได้
สถิติน่าสนใจระบุว่า ตั้งแต่เป๊ป เป็นผู้จัดการทีม แมนฯ ซิตี้ ไม่เคยแพ้หงส์แดงคาบ้านในพรีเมียร์ลีกแม้แต่ครั้งเดียว คือแพ้คาบ้านในแชมเปี้ยนส์ลีกนี่เคย แต่ถ้าเป็นบอลลีกยังไม่เคย แต่สถิตินี้จะจบลงด้วยฝีมืออาร์เน่อ สล้อธหรือไม่ เราจะได้รู้ครับ
เกมนี้ กองเชียร์หงส์แดงต้องดู คือถ้าชนะก็แทบจะมอบถ้วยแชมป์ให้แล้ว คือถ้าชนะไม่ต้องห่วงเลยว่าจะโดนไล่ทัน ความมั่นใจจะพุ่งทะยานมาก
ส่วนกองแช่งถ้าอยากให้หงส์วืดแชมป์ก็ต้องดูเช่นกันครับ เพราะถ้าซิตี้ตัดแต้มได้ที่เอติฮัด อาจจะบีบช่องว่างของแต้ม ให้อาร์เซน่อลไล่จี้เหลือ “2 แต้ม”
เกมนี้สำคัญจริงๆ และจะมีผลมากๆ ต่อการตัดสินแชมป์ฤดูกาล 2024-25 ครับผม
ถ้าใครอยากดูเกมนี้ สามารถซื้อแพ็คเกจ Now EPL 3 Months ได้ทางทรูวิชันส์ ผู้ถือลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีกอย่างถูกต้องในซีซั่นนี้นะครับผม
ถ้าสมัครแพ็คเกจนี้ สามารถชมพรีเมียร์ลีกผ่านทางแอพ True Visions Now ได้เลย โดยสามารถดูได้พร้อมกันสูงสุด 2 จอเลยนะครับผม คือถ้าสมัครวันนี้ ก็ดูได้ครบจบฤดูกาลในเดือนพฤษภาคมพอดีครับ
สมัครได้เลยวันนี้ ได้ดูบอลพรีเมียร์ลีก พร้อมทั้งเสียงพากย์ไทยจากทีมงานคุณภาพ ดูได้ทุกอุปกรณ์ ทั้งมือถือ, แท็บเลต, สมาร์ททีวี ฯลฯ
สนใจสมัคร คลิกทางนี้ได้เลยนะครับ https://truevisions-now.onelink.me/RQwi/KOLs1JJF
#TrueVisions #TrueVisionsNow #NowEPL #EPL
More Stories
ด้อยค่าระบบหลัง 3 หรือเปล่า “แม็ค ไกวร์” พูดตรงๆ ถึงแนวทาง “อโมริม” ที่ตอนนี้ไม่เวิร์กอย่างแรง
เหล่าแข้ง บีจี ปทุม ยูไนเต็ด และ เมืองทอง ยูไนเต็ด เดินทางถึงยังสนามบีจี สเตเดี้ยม เป็นที่เรียบร้อย ก่อนทำศึกบิ๊กแมตช์ ไ…
ข่าวดี.! โรดรี้ เริ่มซ้อมเดี่ยวกับทีมได้แล้ว มีลุ้นคืนสนามท้ายซีซั่น